สวัสดีค่า
ห่างหายจากการอัพบล็อกไปนาน ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่าช่วงนี้(จริงๆคือปีนึงแล้ว) หายไปติดเกม Band Yarouze! เกมกดจังหวะเกี่ยวกับวัยรุ่นเล่นดนตรีใสๆไร้มลพิษทางจิตใจ(กัดฟันพูด)อยู่ค่ะ (ใครสนใจอยากรู้จักเกมนี้ตามไปอ่านแท็ก #มาเล่นบันยาโร่กันเถอะ ในทวิตเตอร์ได้นะคะ ขายของกันตรงนี้เลย ฮา)
และเมื่อวันที่ 1 เมษาที่ผ่านมาเราก็มีโอกาสได้ไปดูไลฟ์ Dream Match Duel GIGS: SHUN-EN 2018 Fairy April VS BLAST ที่จัดที่คาตายานากิอารีน่ามาค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรามีความฝันนึงในชีวิตมานานมากแล้วว่าอยากบินไปดูไลฟ์วงที่ชอบถึงที่ให้ได้สักครั้ง แล้วด้วยจังหวะที่ทุกอย่างพอดีไปหมดกับปาฏิหาริย์หลายๆอย่างที่เกิดขึ้นก็ทำให้เรามีวันที่พูดได้เต็มปากว่าความฝันอย่างนึงในชีวิตเป็นจริงแล้ว และพูดได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่บ้าบิ่นมากที่สุดครั้งนึงในชีวิตคือการคุยกับเพื่อนแล้วกดตั๋วกันตั้งแต่เพิ่งประกาศจัดไลฟ์แค่ไม่กี่ชั่วโมง ตอนนั้นชื่อวงก็ยังไม่ประกาศ แถมจากวันที่ประกาศกว่าจะถึงวันไลฟ์ก็อีกเกือบ 5 เดือน แผนล่วงหน้าก็ยังไม่มี ตั๋วก็ไม่รู้จะได้รึเปล่า แต่จุดนั้นคิดแค่ว่าถ้าได้ตั๋วแล้วจะอะไรเราก็ต้องทำได้ พอมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกว่าคิดไม่ผิดเลยที่ตัดสินใจทำทุกอย่างลงไปตอนนั้น เพราะสิ่งที่เราได้กลับมามันคือความทรงจำมีค่าที่จะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิตเลยค่ะ
ไลฟ์ครั้งนี้ทั้งเป็นไลฟ์ครั้งแรกของวงที่เราชอบที่สุดในเกมคือ Fairy April กับอีกวงที่ชอบรองลงมาคือ BLAST แล้วคนที่พากย์เมนตัวละคร(อาซาฮิ)ของเราก็คือนักพากย์ที่ชอบ(โชตัน)ด้วย เรียกได้ว่าเป็นการดูไลฟ์ที่คุ้มยิ่งกว่าคุ้มเพราะไปครั้งเดียวเก็บมิชชั่นได้ทุกอย่างเลยจริงๆ
(ภาพคีย์วิชชวลไลฟ์ Dream Match Duel GIGS: SHUN-EN 2018)
รอบนี้ไปกันสองคนกับวีร์ค่ะ วีร์เป็นแม่วง BLAST ส่วนเราเป็นแม่ Fairy April เลยกลายเป็นทริปแม่กะเหรี่ยงสองวงที่เดินทางไปหาเด็กกัน 555555 นอกจากไลฟ์ครั้งนี้ก็ได้ไปคาเฟ่ที่จัดช่วงนั้นพอดี แล้วก็ไปตามรอย(?)ถึงมิโตะกันมาด้วย แต่วันนี้เราจะมารีพอร์ทเฉพาะไลฟ์เพราะไม่งั้นมันจะยาวจนหาทางจบไม่ได้ ถ้ามีโอกาสไว้จะมาเขียนถึงส่วนอื่นเพิ่มเติมนะคะ (หรือจะอ่านรายละเอียดไร้สาระเพิ่มเติมได้จากแท็ก #ทริปอิหยังวะข้ามแดน ก็ได้ค่ะ)
ส่วนแรกขอเริ่มจากพูดถึงเพลงบนไลฟ์ก่อน ก่อนอื่นต้องบอกว่านี่คือการพยายามเอาสิ่งที่อยู่ในหัวยามที่ไม่มีสติเลยมาเรียบเรียงให้มากที่สุดแล้ว ลำดับอาจจะมีสลับกันบ้างก็ต้องขออภัยล่วงหน้านะคะ
!!!อ่านตรงนี้กันก่อน!!!
– เป็นรีพอร์ทที่เขียนจากความทรงจำในจุดที่ไม่มีสติล้วนๆ บางจุดอาจจะผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนไปบ้าง
– ค่อนข้างเน้นฝั่ง FairyApril และพูดถึงอาซาฮิ(โชตัน)เป็นส่วนมาก
– เราเป็นชิปเปอร์คู่คาซึอาซะเป็นหลักเลยอาจจะค่อนข้างมองด้วยฟิลเตอร์ทางนั้นพอสมควรนะคะ
– ยาวมาก (…)
ถ้าโอเคแล้วก็ไปต่อกันเลย!
v
v
v
(บรรยากาศก่อนเริ่มไลฟ์จากที่นั่งเราเองค่ะ อยู่ฝั่งซ้ายห่างจากเวทีประมาณนี้)
ช่วงก่อนเปิดไลฟ์จะเริ่มด้วยเสียงยามาโตะกับอาซาฮิออกมาคุยกันว่าวันนี้จะมาดูเอลกันค่ะ อาซาฮิก็ถามว่าทำไมเราต้องมาแข่งกันด้วยล่ะ คนที่ทะเลาะกันมีแต่โซสึเกะกับคาซึมะคุงไม่ใช่เหรอ (ฮา) แล้วก็คุยกันว่าจะแข่งกันด้วยอะไรดี
ยมต: งั้นมาแข่งเบสบอลกัน!
อซฮ: เอ๋ แบบนั้นขี้โกงนี่นา
ยมต: ถ้างั้นมาแข่งย่างเนื้อกัน ใครย่างได้หลายชิ้นในทีเดียวมากกว่าชนะ!
อซฮ: ……(เสียงเปลี่ยน) ยามาโตะคุง เนื้อน่ะต้องย่างทีละชิ้นนะ
พอเจอโหมดนี้ของอาซาฮิเข้าไปขนาดยามาโตะยังถึงกับเงียบค่ะ (ฮา) แล้วสุดท้ายคุยกันไปคุยกันมาก็ตกลงว่า โอเค งั้นมาแข่งร้องเพลงกัน (แฟนๆ: มันควรจะเป็นแบบนั้นแต่แรกมั้ย) แล้วยามาโตะก็บอกด้วยว่า “ช่วงนี้เนื้อเรื่อง(ในเกม)ซีเรียสเนอะ เพลงก็ไม่ค่อยได้ร้องกันเลยอ่ะ งั้นวันนี้มาร้องเพลงกันเถอะ!”
(….เกลียดความรู้ตัวนี้จริงๆ บ้าที่สุด 555555555555555555555)
แล้วหลังจากนั้นก็เปิดตัวแคสขึ้นมาบนเวทีพร้อมภาพบนจอทีละคน(แสงสีเสียงอลังการมาก) และเซอร์ไพรซ์แรกสุดคือทุกคนแต่งชุดตามภาพคีย์วิชชวลที่ออกแบบมาเฉพาะไลฟ์ครั้งนี้ไม่ใช่ชุดหลักในเกมเหมือนทุกทีด้วย พอทุกคนขึ้นมากันจนครบก็เปิดเวทีด้วยเพลงแรกของแฟรี่คือเพลง 雨天決行ガムシャララ ค่ะ แวบแรกที่ฟังคือความรู้สึกตอนดู MV ดูเอลกิ๊กแผ่นแรกหวนกลับมาเลย เพลงนี้ท่าเต้นทุกอย่างส่วนใหญ่จะตาม MV ที่ลงในแผ่นทั้งหมด โดยเฉพาะช็อตท่ายิงของอาซาฮิที่จังหวะก็ตรงตามเดิม หลังจากการลูปดูในแผ่นมาเกินร้อยรอบพอได้มาเจอกับตัวจริงๆก็รู้สึกเหมือนโดนยิงกลางใจจนตายตาหลับได้จริงๆแล้วค่ะ ฮืออออ
พบจบของแฟรี่ก็จะบิ้วท์กันต่อด้วย Alternative ของเบลสท์ทันที เป็นสองเพลงที่คนทั้งฮอลล์โบกไม้โบกมือโดดตามได้มันส์มากส่วนนึงเพราะหลายคนคุ้นจังหวะกับท่าจากใน MV กันอยู่แล้ว เรียกได้ว่าใส่กันเต็มที่ตั้งแต่สองเพลงแรก จนพอจบสองเพลงแรกยังต้องแอบปาดเหงื่อเล็กน้อย (ตอนนั้นมีแอบคิดในใจว่าเพิ่งเปิดมาก็ใส่จนสุดขนาดนี้แล้วเราจะเหลือพลังงานโดดไหวจนจบไลฟ์มั้ย แต่ก็แบบเอาวะ มาอยู่ตรงนี้ทั้งทีก็ต้องมันส์กันให้สุดไปเลย ไม่มีเวลามาออมแรงแล้ว 55555)
ช่วงแรกก็จะมีทอล์กกันเล็กๆน้อยๆบนเวทีค่ะ ไม่รู้เพราะยังคุยเรื่องเนื้อกันค้างจากตอนต้นหรือยังไงยามาโตะมีหันไปตะโกน “เนื้อ!” ให้แฟนๆตอบกลับว่า “เนื้อ!” ด้วย (อาซาฮิ: คอลแบบนั้นมันอะไรน่ะ /ขำ) ส่วนอาซาฮิโชตันที่มาขึ้นเวทีบันยาโร่เป็นครั้งแรกเปิดมาก็หลุดด้วยการเรียกแทนตัวเองว่า “ผม”(โบคุ) แบบที่ตัวเองใช้แทนที่จะเป็น “ฉัน”(โอเระ) ตามที่อาซาฮิใช้ แล้วก็รีบเปลี่ยนอย่างรวดเร็วแบบ “ผม…อ๊ะ ฉัน” ตรงนี้พอคิดภาพว่าเป็นน้องที่มาดูเอลกิ๊กครั้งแรกแล้วตื่นเวทีแล้วเอ็นดูมากฮือ (สู้ๆนะโชตัน! สู้ๆนะอาซาฮิคุง!)
จนสุดท้ายก็เข้าเรื่องตามระเบียบว่าวันนี้เราไม่ได้มาคุยกันนะ เรามาร้องเพลงกันต่างหาก! แล้วก็ใช้วิธีเปายิ้งฉุบตัดสินกันว่าใครจะร้องก่อน พอฉุบกันออกมาอาซาฮิแพ้
ยมต: งั้นเริ่มจากแฟรี่เอพริล!
อซฮ: เอ๋ ทั้งๆที่แพ้เนี่ยนะ!?
…..ความมายเพลสของเด็กชายยามาโตะนี่มัน ฮือ 55555555
จากนั้นก็เลยเป็นเวทีของแฟรี่เอพริลก่อน ซึ่งทำให้เกิดโมเมนท์ช็อกโลกกันตั้งแต่เพลงแรกเมื่ออาซาฮิหยิบของบางสิ่งออกมาพาดบ่า ตอนแรกนี่ก็พยายามเพ่งมองอยู่ว่ามันคืออะไร จะใช่อย่างที่คิดเหรอ บ้าน่า จนกระทั่งเพื่อนสะกิดเราด้วยสีหน้าอึ้งไม่ต่างกันแล้วบอกว่า “เธอ นั่นเขาถือแส้อยู่ใช่ป่ะ จะทำอะไรอ่ะ…”
ใช่ค่ะ ในมืออาซาฮิโชตันมันคือแส้!!!
(ใครให้เด็กสิบหกมาถือแส้คะ!!! เปิดมาก็แหกเรทสิบสองบวกแล้วว้อย /กรี๊ดใส่)
“อยากได้รางวัล? หรือว่าอยากให้ลงโทษเหรอ?”
ภาพติดตาคืออาซาฮิโชตันพูดประโยคนี้ด้วยเสียงอ้อยหนักมากพร้อมกับ ดึงเสื้อลงให้เปิดไหล่ (คือตอนแรกเห็นจับเสื้อเราคิดว่าเขาจะดึงเสื้อขึ้นเลยไม่คิดอะไร แต่…แต่…ปกติแล้วเสื้อเปิดไหล่มันควรดึงขึ้นไม่ใช่ดึงลงไม่ใช่เหรอคะ!!!)
แม่คะ….หนูไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าเขาจะมามุกนี้ ไม่คิดว่าวันนึงจะได้พูดคำนี้ว่า น้อง ควีน มาก /อีโมร้องไห้
จากนั้นทั้งเพลงเกิดอะไรขึ้นแทบจะเหมือนฝันไป อาซาฮิที่ถือแส้ร้องเพลงด้วยสีหน้าโหมดปีศาจน้อยและความเอโร่ยระดับสิบ(+++)คือพูดได้คำเดียวว่าไม่ไหวแล้วค่ะ เราไม่ไหวแล้ว สติบินจนจำอะไรแทบไม่ได้ รู้แต่เพลงมันเอโร่ยโอเว่อร์โหลดมาก และความพีึคมันอยู่ที่….
น้องเดินเข้าไปหาแล้วเอาแส้ไปเชยคางคาซึมะคุง!!!!
ตอนแรกที่เห็นก็ยังไม่ได้หวีดนะ สมองส่วนประมวลผลยัง now loading อยู่ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นวะคะ ตามความรู้สึกที่จำได้คือค้างกันอยู่ท่านั้นหลายวินาทีประมาณนึง(ไม่ก็เพราะโลกเราหยุดหมุนอยู่ตรงนั้น)จนเริ่มมีเสียงหวีดจากรอบๆข้าง แล้วรู้สึกว่าเพื่อนลูบหลังปลอบนั่นแหละถึงกลับมารู้สึกตัว
และความพีคยังไม่หมดแค่นั้น หลังร้องจบอาซาฮิยังปิดท้ายด้วยเสียงนางแมวแบบ “ง้า~ว” พร้อมทั้งโพสท่าและแส้ในมือ ช็อตนั้นถามว่าตายมั้ย….จะเหลือเหรอคะ (ร้องไห้) ไม่เคยมีอิมเมจเพลงนี้ว่าเป็นเพลงเอโร่ยขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เพิ่งรู้ความอันตรายถึงแก่ชีวิตของไลฟ์ก็วันนี้ อาซาฮิโชตันเซอร์วิสเรี่ยราดจนน้ำตา(แห่งความปลื้มปีติ)ไหล ถึงขั้นที่ว่าต่อไปคงกลับไปฟังเพลงนี้ด้วยความรู้สึกแบบเดิมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว /ลูบหน้า
หลังใจหายใจคว่ำจบก็เป็นช่วง MC เข้าเพลงต่อมา ตรงนี้อาซาฮิเกริ่นขึ้นมาก่อนว่า “เพลงของแฟรีเอพริลคาซึมะคุงเป็นคนแต่งให้” แล้วก็หันไปเรียกให้แฟนๆตอบ
อซฮ: ชอบคาซึมะคุง (/ยื่นไมค์หาแฟนๆ)
แฟนๆ: \ชอบ/
อซฮ: แต่ว่านะ เพลงนี้คนแต่งคือโยชิมุเนะล่ะ!
(ร้ายกาจมากค่ะ 555555555555)
จากนั้นก็เข้าเพลง Amaoto Valentine ตามด้วย Houkako Vacation เอาจริงๆตรงนี้สติไม่ค่อยอยู่กับตัวจนจำรายละเอียดไม่ค่อยได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้แต่อามะโอโตะโยชิมุเนะหล่อมาก และการได้ฟังท่อนเบสสุดพรของเพลงแฟรี่แบบสดๆมันดีมาก ส่วนเพลงโฮคาโกะจะมีช็อตที่อาซาฮิเดินไปเล่นกับโยชิมุเนะแล้วเดินไปหามิซาโตะตรงท่อน “ได้หัวเราะกับเพื่อนนั่นล่ะชีวิตวัยรุ่น” (แต่รู้สึกเพลงนี้จะไม่ได้เดินไปทางคาซึมะคุงเลย เข้าใจว่าอาจจะเล่นเรื่องมิตรภาพของแก๊งเพื่อนแฟรี่สมัยเด็ก?) เนื้อเพลงท่อนหลังปกติเป็น “ไปกับเธอ” ก็มีเปลี่ยนเนื้อร้องเป็น “ไปกับทุกคน” แล้วหันมาผายมือให้แฟนๆทุกคนในฮอลด้วย ซึ่งมันน่ารักมากกกกกกก
พอจบสเตจแฟรี่ก็ตามด้วยสเตจเบลสท์ ซึ่งตรงนี้ขอไหว้แม่เบลสท์ก่อนว่าสติเราก็จำอะไรไม่ค่อยได้ ที่จำได้คือเพลง Objection โยจิซังออกมาร้องที่สเตจกลาง เนื่องจากที่นั่งเราอยู่กลางฮอลเลยเป็นช่วงที่ได้เห็นในระยะค่อนข้างใกล้ (แต่ข้อเสียคือพอเราหันไปทางสเตจกลางจะมองไม่เห็นจอเลยจะมองเห็นตัวแต่ไม่เห็นสีหน้า แต่ก็แบบ เอาวะ ยอมสัมผัสด้วยตาเปล่าเอาก็ได้) เพลงนี้สนุกมากตอนท่อนคอรัส I’m so fed up! I’m so fed up! ที่แฟนๆจะได้ตะโกนร้องกันทั้งฮอล เป็นเพลงที่โดดกันมันส์มากจริงๆ
และเหตุการณ์ระทึกก็เกิดขึ้นหลังจบเพลงแล้วขึ้นเพลง Nightmare Boogie คือโยจิเดินจากสเตจกลางมาเดินไปร้องไป แล้วเขาเดินมาทางที่เรากับเพื่อนอยู่!!!
จุดนั้นคือแบบ พี่คะ มันใกล้มากกกกกกกกกกกกกกกกก
จังหวะเหมือนภาพสโลว์เป็นโชโจมังงะ ภาพโยจิที่เดินมาอยู่ตรงหน้าสบตาแล้วยิ้มให้ยังติดอยู่ในหัวจนตอนนี้ ขนาดไม่ใช่แม่ยังแทบลืมหายใจ ส่วนแม่เบลสท์ข้างๆเราคือนิ่งช็อกไปแล้ว อยากบอกว่าเราเข้าใจความรู้สึกนะเพื่อน /แปะบ่า จากนั้นคือเพลงเป็นยังไงทั้งเพลงนี่ทุกอย่างบินออกจากหัวไปหมดเลยค่ะ รู้แต่เพลงมันเท่มาก และมีความรู้สึกเหมือนได้เห็นความ キメ顔 ของโยจิซังจากเพลงนี้ด้วย ฮึ่ม 55555
หลังจากนั้นพอกลับขึ้นมาบนเวทีอาซาฮิทำท่าเหมือนสนใจที่เห็นยามาโตะลงไปเล่นกับแฟนๆข้างล่างมา โยจิยามาโตะเลยบอกว่าตอนที่ลงไปเมื่อกี้ตั้งใจจะไปแท็กมือกับทุกคนกันเท่ๆแบบ “โอ๊สท์ ยามาโตะ” อะไรแบบนี้ แต่สิ่งที่เห็นคือทุกคนมีแต่ทำหน้าตกใจมากแบบ “ฮ้า!” (ทำหน้าและเลียนเสียงประกอบ) แล้วก็แบบ “ฮ้า!” (ทำหน้าและเลียนเสียงประกอบรอบสอง) “ตลกเป็นบ้าเลย!”
……ถ้าไม่ใช่โยจิยามาโตะนี่โกรธจริงนะคะ นี่แฟนๆนะ! ทำไมเป็นคนแบบนี้555555555555555555
แต่ยามาโตะก็บอกว่าเมื่อกี้ลงไปสนุกดีนะ อาซาฮิก็ลงไปบ้างสิ! อาซาฮิก็ทำท่าสนใจแบบจะเอายังไงดีน้าอยู่นิดหน่อย (จุดนั้นเราตะครุบเพื่อนไปแล้วแบบ เฮ้ยๆๆๆ เขาจะลงเหรอ ลงเหรอ ลงเหรอ….) แล้วก็เดินมาทำท่าเหมือนจะเดินลง แต่สุดท้ายก็ “ไม่เอาดีกว่า~” แล้วก็กลับไปที่เดิม อย่าให้ความหวังเหมือนแสงสว่างบนพื้นกาชากันแบบนี้สิคะ
แล้วจากนั้นก็กลับมาเป็นสเตจแฟรี่ ก่อนจะเริ่มเข้าเพลงอาซาฮิก็เปิดขึ้นมาก่อนว่า
อซฮ: เมื่อกี้ทำเรื่องแบบนั้นกับคาซึมะคุงไปซะแล้ว
(แฟนๆและแน่นอนว่ารวมเราด้วย: ห๊ะ)
อซฮ: หลังจากนี้…
(แฟนๆ: ห๊ะ)
อซฮ: ที่ห้องแต่งตัว…
(แฟนๆ: ห๊ะ)
อซฮ: ต้องโดนโกรธเอาแน่ๆเลย…
(แฟนๆ: !!!???)
ทำไมต้องเว้นจังหวะให้ชวนคิดมากแบบนี้ด้วยคะ!!! เพิ่งหน้าสั่นไม่หายจากเพลงก่อนหน้าก็โดนสาดความอ้อยอย่างต่อเนื่องมาอีกรอบ ตอนน้องพูดก็มีคาซึมะคุงพยักหน้าหงึกๆตามอยู่ข้างหลังด้วย จริงๆเพราะความ(จงใจทำให้)กำกวมตรงนี้เลยไม่รู้ว่า ‘เรื่องแบบนั้น’ หมายถึงเรื่องที่น้องเรียกคาซึมะคุงแล้วหันไปร้องเพลงของโยชิมุเนะแทน หรือว่าเพราะฉากเชยคางตอนกลางไลฟ์กันแน่ 555555
จากนั้นน้องก็ MC เข้าเพลงถัดไปว่าคราวนี้จะเป็นเพลงที่คาซึมะคุงแต่งจริงๆแล้ว “เป็นเพลงหวานๆเปรี้ยวๆที่คาซึมะคุงใช้เวลาทั้งคืนแต่งขึ้นมา” พอพูดถึงตรงนี้คาซึมะคุงเลยเอาผ้าขนหนู(ของขายหน้าไลฟ์)มาปิดหน้าหนีค่ะ 55555 แฟนๆก็เลยหันไปหวีดแซวคาซึมะคุงกันทั้งฮอล จนอาซาฮิพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆขึ้นมานิดนึงว่า
“โธ่~ อย่ามองคาซึมะคุงของเรา(อุจิโนะคาซึมะคุง)มากนักสิ~”
ฮาร์ทแอคแทคหลายรอบเกินไปแล้วค่ะวันนี้ แล้วหลังจากนั้นจากหวีดคาซึมะคุงแฟนๆเลยกลายเป็นมาหวีดน้องแทน (ฮา) (จริงๆตรงนี้เราได้ยินว่าอย่ามอง(มิไน่เดะ)แต่เห็นมีคนได้ยินว่าอย่าแกล้ง(อิจิเมไน่เดะ)อยู่เหมือนกัน) จากนั้นก็เข้าเพลง Secret Lovesick ค่ะ (แน่นอนว่าก่อนร้องต้องมีดึงเสื้อลงให้เปิดไหล่อีกรอบด้วย) ต้องบอกก่อนว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่เราชอบที่สุดของแฟรี่เลย รู้สึกไม่เสียดายชาติเกิดที่ได้มาฟังสดๆวันนี้แล้ว (ฮือ) เพลงนี้น้องใช้ขาตั้งไมค์ร้องเลยไม่ได้เดินเล่นไปไหนบนเวทีมากนัก แต่อยากบอกว่าวิธีเล่นกับขาตั้งไมค์ของน้องมันเอโร่ยสมเพลงมากจริงๆค่ะ ทั้งสายตาทั้งท่าทางคือสะกดให้มองจนละไปไหนไม่ได้เลยจริงๆ
แล้วหลังจบเพลงนี้ก็ต่อด้วย Believe Wing ค่ะ เป็นเซ็ทลิสต์ที่ไฮเซ้นส์มากกกกกก ตรงนี้ทำเอานึกถึงเนื้อเรื่องหลักช่วงแชปเตอร์ 4 จนถึงแชปเตอร์ 8 ลอยขึ้นมาเป็นฉากๆเลย แล้วหลังจากนั้นน้องก็ตะโกนขึ้นมาว่า “จะไปอันที่ยาไบ่กว่านี้ล่ะนะ!” แล้วก็ต่อด้วยเพลง WHIZ ค่ะ เพลงนี้มาแบบเท่ๆ และความดีงามใดๆในโลกมันอยู่ตรงที่
คาซึมะคุงกับโยชิมุเนะร้องคอรัสให้ด้วยค่ะแม่ขาาาาา
(เท่เป็นบ้าเลยฮืออออ)
ภาพคาซึมะคุงกับโยชิมุเนะที่ดีดกีต้าร์/เบสแล้วร้องเพลงกับไมค์บนขาตั้งไปด้วยเป็นอะไรที่เท่มากกก (จริงๆตรงนี้แอบเสียดายที่ตรงที่เราอยู่จะมองไม่ค่อยเห็นโมเมนท์ฝั่งเบสที่กล้องไม่ได้จับ เลยเห็นแต่คาซึมะคุงซะเป็นส่วนมาก) ตรงนี้แฟนๆก็ได้ตะโกนร้องคอรัสตามไปด้วย เป็นเพลงที่สนุกมากแล้วทำให้รู้สึกเหมือนได้เห็นภาพแฟรี่เวลาเอนโซกันอยู่บนเวทีจริงๆแบบเป็นรูปธรรมขึ้นมาอีกหน่อย
หลังจากจบตรงนี้ก็เปลี่ยนเวทีกลับมาที่ฝั่งเบลสท์ โยจิซังออกมาพูด MC ก่อน ตรงนี้เป็น MC ส่วนที่ส่วนตัวเราคิดว่าชอบที่สุดในไลฟ์ครั้งนี้ก็ว่าได้ อาจจะจำประโยคแม่นๆไม่ได้เลยเพราะจุดนั้นฟีลมันล้นมากแบบมากจริงๆ โดยรวมตรงนี้โยจิซังพูดไว้ประมาณว่าจริงๆพวกเราเป็นคนที่ในชีวิตนี้อาจจะไม่มีโอกาสได้มาเจอกันเลยก็ได้ แต่บางสิ่งก็นำพาพวกเราให้ได้มาอยู่ด้วยกันตรงนี้ “สักวันนึงพวกเราก็อาจจะหายไป แต่อยากให้จดจำไว้ว่าทุกคนได้มาอยู่ตรงนี้ ได้มาสนุกด้วยกัน ณ ที่ตรงนี้” ตรงนี้คือทำเอาหน่วงไปเลยเพราะรู้สึกเหมือนเขาจะหายไปไหนสักแห่งจริงๆ (ความคิดแวบนึงคือจบไลฟ์จะไม่ประกาศปิดเกมใช่มั้ยคะ กลัวนะฮือ) แต่เป็นจุดที่ทำให้เรารู้สึกขึ้นมาว่าจริงๆชีวิตเราก็ประกอบขึ้นจากการรวมกันชิ้นส่วนเล็กๆมากมาย ทุกชิ้นส่วนก็ล้วนมีความสำคัญที่ทำให้เราเป็นตัวเราในวันนี้ อย่างความทรงจำในวันนี้เองหลังจากนี้ไปก็จะไม่มีทั้งบันทึก ไม่มีภาพถ่าย ไม่มีอะไรเลยนอกจากความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่ในใจตอนนี้เท่านั้น จนทำให้เข้าใจความรู้สึกว่าอยากจะสลักความทรงจำนี้ไว้ในใจตามเพลงดอกไม้ไฟขึ้นมาเลยจริงๆ
พอถึงตรงนี้เราเลยคิดว่าจะเข้าเพลงดอกไม้ไฟ แต่ออกมาเป็นเซ็ทลิสต์เริ่มจาก song writer → sparkler song → Lullaby ที่บอกได้เลยว่าเป็นเซ็ทลิสต์ที่คามิมากและใจพังมากกกกกกกก(คูณล้าน) ระหว่างที่ฟังสามเพลงนี้เป็นโมเมนท์ที่หน่วงไปหมดแบบจะโยกตามก็ยังโยกไม่ค่อยออก รู้แต่เราอยู่ในสภาพเอาผ้าขนหนูปิดหน้าตามคาซึมะคุงแทบจะตลอดเพลง บอกความรู้สึกเป็นคำพูดไม่ได้ แต่มันดีนะ มันดีมากเลย ฮืออออ
หลังจากจบตรงนี้ทั้งโยจิทั้งโชตันก็มาทอล์กกันบนเวที ตอนที่ยามาโตะบอกขึ้นมาว่าตอนนี้เป็นช่วงสุดท้ายแล้ว “เหลือกันอีก 4 เพลงสุดท้ายแล้วนะ” ตอนนั้นทุกคนทั้งฮอลก็ “เอ๋” ขึ้นมาพร้อมกันเลย รู้สึกว่าเวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วมากจนน่าใจหาย จริงๆสภาพตอนนั้นหลังจากโดดกันหนักมากมาทั้งไลฟ์ก็เริ่มหมดแรง แต่ก็จะมีพูดปลุกใจประมาณว่ายังมีแรงเหลือมั้ย พร้อมจะมามันส์กันต่อรึยัง
แล้วก็มาเป็นสองเพลงต่อกันคือ Suriru wo choudai ของแฟรี่และ BUREIKO TIME ของเบลสท์ค่ะ เรียกได้ว่าเอาสองเพลงที่เฮดแบงสุดๆมาไว้ช่วงท้ายทั้งคู่ เลยเป็นช่วงที่โดดกันแบบไม่คิดชีวิตเลยค่ะ เรียกได้ว่ามีแรงเหลือเท่าไหร่ใส่กันไปให้หมด และจริงๆเป็นความฝันอย่างนึงของเราตั้งแต่ตอนดูไลฟ์หนึ่งปีว่าจะอยากมาโดดบุเรย์โกะในไลฟ์จริงๆให้ได้สักครั้ง แล้ววันนี้ก็ได้ทำจริงๆแล้วไม่ผิดหวังเลย คือมันสนุกมากกกกกกกกก (ตอนร้องบุเรย์โกะยามาโตะมีไปดึงมืออาซาฮิมาเล่นด้วยกันด้วย น่ารักน่ารักน่ารัก)
จากนั้นสองเพลงสุดท้ายก็ปิดด้วย Fairy GO! กับ Resonance ตามไทม์ไลน์เกมที่จะเป็นเพลงจบเรื่องหลักแชปสุดท้ายพอดี พิเศษหน่อยตรงที่เพลงแฟรี่โกเป็นเพลงที่จะได้ฟังตัวเต็มเป็นครั้งแรกในไลฟ์ครั้งนี้ ตอนนั้นเลยตั้งใจจะจับเนื้อเพลง แต่ค้นพบว่าพออยู่ในไลฟ์แล้วเสียงร้องค่อนข้างจับลำบากบวกกับฟีลตอนนั้นล้นมากเลยจับได้แค่เป็นท่อนๆแล้วตัดสินใจปล่อยมันไปตามความรู้สึก ตรงนี้ในฐานะแม่แฟรี่บอกได้เลยว่ามันเป็นเพลงที่ทำให้เซ็ทลิสต์เพลงของแฟรี่วนมาบรรจบกันได้สมบูรณ์แบบมากๆ แทบจะรอฟังแบบเต็มๆอีกรอบไม่ไหวแล้ว (ทีมงานคะ ช่วยขายดูเอลกิ๊กแผ่นสามเดี๋ยวนี้ที!)
ส่วนช่วงเพลงเรโซแนนซ์เป็นเพลงที่เคยทำให้เสียน้ำตาไปแล้วตอนไลฟ์หนึ่งปี พอมาครั้งนี้เลยรู้สึกบรรยากาศค่อนข้างซอฟท์ลงหน่อย (ซึ่งดีแล้ว) ตอนที่ยามาโตะร้องเพลงนี้เด็กแฟรี่สามคนจะไปนั่งกันอยู่ตรงแท่นข้างหลังสำหรับมือกลองแล้วก็งุ้งงิ้งๆกันอยู่ เรียงจากอาซาฮินั่งก่อนแล้วโยชิมุเนะตามมา สุดท้ายคาซึมะคุงก็ตามมาอีกคน เลยทำให้แอบไม่มีสมาธิโฟกัสเพลงเลย บ้าจริงฮือ (เด็กน่ารักจังค่ะ)
หลังจบสองเพลงสุดท้ายไฟจะดับให้พักหายใจหายคอกันนิดหน่อยพลางให้ช่วยกันตะโกนขออังกอร์ค่ะ รอกันอยู่สักพักยามาโตะก็ออกมาด้วยเพลง Kinjitsu Koukai Dai Nishou ซึ่งเป็นเพลงที่เราค่อนข้างเซอร์ไพรซ์มากเพราะไม่คิดว่าจะได้ฟังบนไลฟ์นี้ด้วยความที่เป็นเพลงโคฟ(??)เพนกวิ้น แต่ก็ดีใจที่มีโอกาสได้ฟังสดเพราะเป็นเพลงที่ชอบมาก+เข้ากับบรรยากาศตอนนั้นสุดๆเพราะบทสองในเกมก็เพิ่งเปิดกันไปสดๆร้อนๆก่อนหน้าวันไลฟ์สองวันนี้เลย
จากนั้นก็เป็นอาซาฮิที่ออกมาด้วย HOT LIMIT และทำให้ยิ่งเซอร์ไพรซ์ขึ้นไปอีกเพราะมองไปแล้วไม่เห็นตัวน้องบนเวที แต่ออกมาที่เวทีกลางฮอล!!! (ที่เดียวกับตอนยามาโตะมาร้อง Objection) แล้วก็มาโพสท่าแบบเดียวกับบนปกเพลงตรงนั้นเลย เราขอเรียกร้องความเป็นธรรมอีกครั้งว่าเด็กอายุสิบหกต้องขายอ้อยแรงขนาดนี้มั้ยคะ! เพลงนี้เลยเป็นช่วงที่เราได้เห็นแบบใกล้ที่สุด น้องที่หมุนตัวบนเวทีแล้วชายชุดกับโอบิข้างหลังจะสะบัดพริ้วตามเป็นอะไรที่ดีงามล้านแปดมากค่ะฮือ
แล้วพอจบเพลงก็กลายเป็นว่ายามาโตะอยู่บนเวทีหลัก ส่วนอาซาฮิอยู่บนเวทีกลาง ยามาโตะก็เลยตะโกนเรียกอาซาฮิว่า อ้าว ลงไปบ้างแล้วเหรอ อาซาฮิก็เลยหันมาตอบกลับ
“เฮะๆ มาซะแล้วล่ะ☆”
(ช็อตนี้น้องตายค่ะ น่ารักมากกกกกกกกกกก)
จากนั้นอาซาฮิก็บอกจะขอตัวกลับไปทางนั้นแล้วก็เดินออกประตูข้างฮอลไป บนเวทีเลยเหลือยามาโตะอยู่คนเดียว แล้วพออยู่คนเดียวน้องก็ไม่มีอะไรจะพูดค่ะ 55555 เลยพยายามหาเรื่องพูดไปเรื่อยเปื่อย แล้วไม่รู้อีท่าไหนถึงวนกลับมาพูดเรื่องเนื้ออีกจนได้ แต่แล้วตรงนี้ก็มีความพีคระดัับตำนานเกิดขึ้น…
ยมต: เนื้อก็มีหลายอย่างนะ เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว…
???: มีเนื้อหมี(คุมะ)ด้วย (เสียงเบามาก)
ยมต: !?
แฟนๆ: !!!????
ยมต: คาซึมะพูดด้วย!!???
ไม่รู้จะเรียกว่าหลุดหรืออะไร แต่อยู่ๆอีดะคาซึมะคุงก็พูดขึ้นมาบนไลฟ์ค่ะ เลยกลายเป็นนักดนตรีคนแรกนอกจากโวคอลตั้งแต่ที่มีมาในดูเอลกิ๊กที่ได้พูดบนไลฟ์ หลังจากนั้นคาซึมะคุงเลยตกเป็นเป้าโดนน้องเข้าไปกดดันว่า “เนื้อม้า(อุมะ)? ชอบเนื้อม้าเหรอ?” จนเขาเอาผ้า(อันเดิม)ปิดหน้าแล้วปิดหน้าอีกจนไม่รู้จะทำยังไง สุดท้ายก็ต้องแค่นเสียงตอบกลับไปแค่ “อืม” แล้วก็โดนยามาโตะป่วนต่อว่าแบ่งบ้างสิ! (วงวารเขานะคะ55555)
รออยู่พักใหญ่ๆอาซาฮิก็กลับมาถึงเวทีหลัก แล้วก็เข้าสู่ช่วงสุดท้าย(จริงๆ)กันสักทีค่ะ ตรงนี้อาซาฮิเปิดขึ้นมาก่อนว่า “ก่อนจะมาถึงตรงนี้ พวกเรามีจุดเริ่มต้น” (แวบแรกที่ได้ยินคำนี้แอบใจชาวาบขึ้นมาเพราะนึกถึงเรื่องของแฟรี่กับใครคนนั้นขึ้นมาด้วย) แล้วก็ปิดท้ายไลฟ์ด้วยการกลับมาที่จุดเริ่มต้นซึ่งก็คือเพลง Dreamer และ Strom flight! ที่เป็นทั้งเพลงแรกในเกมและอัลบั้มแรกสุดที่ออกมาของทั้งสองวงค่ะ (แอบเล่านอกเรื่องว่าเราเพิ่งได้แผ่นอัลบั้มสตอร์มไฟล์ทมาจากหน้าไลฟ์ครั้งนี้ด้วย พอกลับมาเปิดฟังพลางนึกถึงตรงนี้ไปด้วยแล้วฟีลแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกร้อยหน่วย)
ช่วงที่โวคอลทั้งสองคนร้องเพลงปิดสองเพลงสุดท้ายเป็นช่วงเวลาที่เหมือนฝันมากสำหรับเรา คือเป็นช่วงที่ไม่ได้โดดกันแบบช่วงเพลงบุเรย์โกะ แต่เป็นบรรยากาศที่ทั้งสนุกแล้วก็ละมุนอบอุ่นมาก เพราะเป็นเวลาที่ทุกคนบนเวทีได้มาร่วมสนุกด้วยกันหมดเลย ทั้งแก๊งมือเบส แก๊งมือกีต้าร์(ที่ทำให้รู้ว่าจริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้เกลียดกันขนาดนั้น) แล้วก็โวคอลสองคนที่ผลัดกันมาแจมร้องเพลงของอีกคนด้วย เป็นช่วงที่แสงไฟบนเวทีสลับไปมาแบบอลังการมาก อย่างของเพลงแฟรี่จะเป็นสีชมพูสลับเขียว บนเวทีนักดนตรีก็จะสลับฝั่งกันไปมาแบบรู้สึกอยากมีสักสิบตาให้มองได้ทั้งหมดจริงๆ แล้วก็มีโมเมนท์ชนหลังให้เก็บเต็มไปหมดด้วย (ฮา) นอกจากชนหลังก็จะมีช่วงโซโล่กีต้าร์ที่อาซาฮิจะมานั่งหน้าเวทีข้างๆคาซึมะคุงแล้วเงยหน้าขึ้นไปโบกมือให้คาซึมะคุงด้วย (น่ารักมาก)
สุดท้ายก็ปิดไลฟ์ด้วย BGM ประจำเกมคือ Sure Shot ของ DESTIRARE ค่ะ เรียกได้ว่าย้อนกลับสู่จุดเริ่มต้นของเริ่มต้นจริงๆ เป็นช่วงที่ทุกคนบนเวทีใส่กันสุดเหวี่ยงจนรู้สึกว่าบรรยากาศของบีกินนิ่งอาร์วันนั้นที่จุดประกายให้เด็กๆทุกคน บรรยากาศของวันแรกที่ได้เข้ามาสัมผัสเกมนี้หวนกลับมาหมดเลย ตรงนี้โวคอลสองคนก็จะมีเอาปืนใส่ของมายิงให้แฟนๆรับ แล้วหลังเพลงจบก็จะมีทั้งปล่อยควันแล้วก็ยิงสายรุ้งสีแดงเขียวเป็นธีมสีเบลสท์กับแฟรี่ด้วย เรียกได้ว่าเป็นการปิดไลฟ์ได้แบบประทับใจมากจริงๆ
(ภาพหมู่หลังจบไลฟ์จากทวิตเตอร์ออฟฟิเชียลค่ะ)
สุดท้ายก่อนจบจะมีทอล์กปิดท้ายอีกนิดหน่อยค่ะ คิดว่าช่วงนี้อาจจะไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อน เพราะพอโยจิเรียกให้โชตันพูดก่อนโชตันก็ลนลานจนเผลอหลุดบอกว่า “มันไม่มีสคริปมาให้นี่นา” แต่ก็เพราะแบบนั้นถึงเป็นช่วงที่รู้สึกว่าได้เห็นความรู้สึกหลายๆอย่างจากใจจริงของเขาเลยค่ะ ตรงนี้อีดะซัง(คาซึมะคุง)ขยับเข้ามาตบบ่าให้กำลังใจโชตันเบาๆด้วย ฮือ
ตรงนี้เราขอเขียนแยกเป็นส่วนความรู้สึกส่วนตัวโดยรวมที่มีต่อแคสทั้งสองคนตลอดไลฟ์ตรงนี้เลยแล้วกันค่ะ
โชตัน (แคสอาซาฮิ):
ช่วงทอล์กตอนท้ายโชตันสารภาพว่าตัวเองค่อนข้างเครียดกับไลฟ์ แล้วก็มีหลายครั้งที่รู้สึกว่าหลุดเป็นตัวเองมากเกินไป แล้วก็พูดขำๆประมาณว่าตัวเองก็เป็นคุณลุงอายุ 30 แล้วการทำความเข้าใจความรู้สึกของตัวละครที่เป็นเด็กม.ปลายมันก็อาจจะยากนิดนึง แต่ถ้าทำให้ทุกคนเห็นเขาเป็นอาซาฮิได้ก็ดีใจ
ตรงนี้พูดในฐานะคนที่ชอบทั้งโชตันทั้งอาซาฮิอย่างเรารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่ามันจะเกิดขึ้น เพราะคาร์อาซาฮิสำหรับโชตันอาจจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างต้องพยายามพอสมควร ต่างกับโยจิที่คาร์ตัวเขาเองกับยามาโตะแทบจะทับเป็นคนคนเดียวกันได้ จากที่เห็นบนไลฟ์เราคิดว่า 70% ของโชตันจะค่อนข้างเป็นโชตันจริงๆ ทั้งเนื้อร้องผิด ทั้งหลุดพูดคำแทนตัว แล้วบางทีจะรู้สึกว่าโชตันจะมีชะงักแล้วเปลี่ยนเสียงพูดกลางคันให้ซอฟท์ลงเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าอยู่ในบท แต่คือนี่เป็นครั้งแรกของโชตันกับเวทีดูเอลกิ๊ก เป็นคอนแบนด์ที่ต้องดั้นสดในฐานะตัวละครพอสมควร แล้วยิ่งเทียบกับโยจิที่มีประสบการณ์มาแล้วหลายครั้งเลยยิ่งทำให้เห็นความแตกต่างชัดด้วย
ระหว่างไลฟ์เราก็แอบกังวลตลอดว่าจะทำให้โชตันเสียความมั่นใจกับบทอาซาฮิไปบ้างรึเปล่า แต่ก็คิดว่าคนจริงจังกับงานอย่างโชตันน่าจะใช้เรื่องนี้เป็นแรงผลักดันมากกว่า สารภาพว่าส่วนตัวเราในฐานะที่เป็นคนที่ชอบทั้งโชตันทั้งอาซาฮิ คิดว่าคาร์ตัวโชตันเองมีอิทธิพลกับเราค่อนข้างมาก เลยอาจจะทำให้มองภาพเขาให้ทับกับอาซาฮิสนิทได้ยากมากจริงๆ แต่เราก็สนุกกับไลฟ์แบบไม่คิดเลยว่าคนที่อยู่ตรงนี้ต้องเป็นโชตันหรืออาซาฮิแล้วก็อยากให้โชตันสนุกไปกับมันได้แบบนั้นก็พอ เรามั่นใจว่าแฟนๆสี่พันคนที่ได้อยู่ ณ ที่นี้จะเข้าใจค่ะ ครั้งนี้อาจจะเพราะยังไม่คุ้นกับดูเอลกิ๊กหรือหลายๆอย่างด้วย อาจจะต้องใช้เวลาอีกหน่อย แต่อยากให้โชตันมั่นใจว่าคนที่จะเป็นเพอร์เฟ็กอาซาฮิได้นอกจากโชตันก็ไม่มีคนอื่นอีกแล้วนะ
โชตันอาจจะรู้ตัวหรือเปล่าไม่รู้ แต่อยากบอกว่าความเป็นธรรมชาติของโชตันที่หลุด(หรือเพราะโยจิทำให้หลุด)มาเป็นพักๆนั่นมันคือการเข้าถึงตัวตนของอาซาฮิที่สุดแบบไม่ต้องพยายามเลยค่ะ รอยยิ้มของโชตันคือเวทมนตร์แห่งความสุขจริงๆนะ อย่างน้อยก็สำหรับเราคนนึงตรงนี้ เราเคยฝันมาตลอดว่าสักวันนึงจะได้ไปเจอโชตันจริงๆสักครั้งแล้ววันนี้ความฝันก็เป็นจริงแล้ว แล้วก็จะพยายามทำให้มีโอกาสครั้งหน้าอีกนะคะ
โยจิซัง (แคสยามาโตะ):
“เป็นคนที่สุดยอดมากเลย” …นั่นคือสิ่งที่เรารู้สึกกับเขาหลังจบไลฟ์นี้ค่ะ
โยจิซังเป็นคนที่เราเพิ่งได้มารู้จักครั้งแรกจากเกมบันยาโร่และเป็นคนที่ทำให้เราประทับใจตั้งแต่ตอนที่เขาพูดถึงตัวละครในวงเบลสท์ผ่านไลฟ์นิโกะ ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ทำให้เรารู้สึกว่าโยจิซังเป็นคนที่รักและทำให้ตัวละครมีชีวิตอยู่ในตัวเขาได้จริงๆ ส่วนนึงอาจจะเพราะว่าชีวิตเขากับยามาโตะแทบจะเหมือนเป็นคนคนเดียวกัน เลยทำให้ซิงโครกันทั้งด้านความรู้สึก ความคิดความอ่านและอีกหลายๆอย่าง (จนคนเขียนบทเกมยังเคยพูดเองเลยว่า MC ของโยจิซังคือความรู้สึกของยามาโตะมากจริงๆจนอยากให้มาพูดเองแบบไม่ต้องเขียนบทในเกมให้แล้วเลย) โยจิซังเป็นคนที่สะกดเราได้ทุกครั้งที่ได้ฟังเขาพูด MC ทุกครั้งที่ได้ฟังเขาพูดเราจะเหมือนได้เห็นตัวตนของทั้งยามาโตะทั้งโยจิซังที่ยืนอยู่ตรงนั้น เห็นความรักที่เขามี และยิ่งกว่านั้นคือถึงจะเป็นเพลงเพลงเดิม แต่เขาสามารถทำให้เราเห็นอะไรบางอย่างที่ “เบลสท์” ต้องการจะสื่อผ่านบทเพลงได้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิมทุกครั้ง ถ้าจุดประสงค์ของ MC ในไลฟ์มีไว้เพื่อแบบนี้ก็อยากจะบอกว่า MC ของโยจิซังคือ The Best MC ตลอดที่เคยฟังมาในไลฟ์ทั้งชีวิตของเราเลยก็ว่าได้
ช่วงทอล์กตอนท้ายโยจิซังบอกว่ายามาโตะเป็นคนที่ตัวเองนับถือ แต่บางทีก็รู้สึกว่ายามาโตะก้าวไปข้างหน้าตลอดจนเหมือนตอนนี้จะนำหน้าตัวเขาไปซะแล้วเลยทำให้รู้สึกเหงาขึ้นมานิดหน่อย แต่เหมือนตัวเขาเองก็อยากพยายามเพื่อก้าวต่อไปข้างหน้ากับยามาโตะเหมือนกัน การที่ได้รู้ว่าตัวตนของยามาโตะสำคัญกับโยจิซังมากแค่ไหน และเขาสามารถถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นออกมาให้คนดูรู้สึกตามไปได้ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากเลยนะ ไม่รู้จะยกคำไหนให้เขาไปมากกว่านี้ได้เลยจริงๆ
และอีกอย่างที่ประทับใจคือโยจิซังเป็นคนที่ช่วยทำให้บรรยากาศไลฟ์โฟลว์ได้มากเลยจริงๆ ชอบความที่เขาทำให้ทุกอย่างให้ลื่นไหลไปแบบเป็นธรรมชาติแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะ อย่างเวลากระโดดไปเล่นกับคนโน้นทีคนนี้ที บางทีแค่เห็นเขาอยู่บนเวทีก็รู้สึกสนุกไปด้วยแล้ว จนแอบรู้สึกเหมือนเขาเป็นยามาโตะที่ลีดคนให้ก้าวไปข้างหน้าได้แบบไม่รู้ตัวจริงๆ สนุกมากเลย ขอบคุณนะคะ
(ยามาโตะกับอาซาฮิคุงที่เราวาดไว้ในจม.รวมจากแฟนๆประเทศไทยที่ตั้งใจเอาไปให้โปรดิวเซอร์เกม)
สุดท้ายนี้อยากเล่านิดนึงว่าหลังจบไลฟ์เรากับวีร์มีภารกิจตามหาโปรดิวเซอร์เกมซึ่งก็คืออาดาชิP เพื่อเอาจดหมายที่เขียนด้วยกันกับเพื่อนๆด้อมบันยาโร่ในประเทศไทยไปให้เขา และอยากไปบอกขอบคุณเขาด้วยตัวเองสักครั้ง
ตอนแรกเรากับวีร์เดินหาพีตั้งแต่ก่อนไลฟ์แล้วหาตัวไม่เจอ จะรอจนหลังไลฟ์ก็ไม่รู้จะเจอมั้ย สุดท้ายเราเลยตัดสินใจบอกไปว่า “ถ้าโชคชะตาอยากให้เจอ เราก็ต้องได้เจอ ในเมื่อตลอดเวลาที่อยู่กับเกมนี้อยู่กับโชคชะตามาตลอด ลองเชื่อดูอีกสักครั้งมั้ย”
แล้วสุดท้ายหลังจบไลฟ์พวกเราก็ยืนเก้ๆกังๆกันอยู่หน้าประตูเพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อ จะยื่นให้สตาฟฟ์ก็กลัวเดินขึ้นไปแล้วเจอพีข้างบน แล้วปาฏิหาริย์มันก็เกิดขึ้นอีกครั้งจริงๆ เพราะพอหันไปข้างหลังแล้วเจอพีกำลังยืนอยู่ข้างหลังพวกเราเลย…
ตอนนี้เชื่อแล้วว่าปาฏิหาริย์มันเกิดกับเรามาตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่ได้มารู้จักเกมที่ชื่อว่าบันยาโร่เลยก็ว่าได้
ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีแรงผลักดันให้ทำอะไรเพื่อเกมเกมนึงได้ขนาดนี้ เราได้อะไรจากบันยาโร่มามากจริงๆ ได้ทั้งเพื่อนร่วมด้อมที่เรียกได้ว่ากลายมาเป็นเพื่อนจริงๆ ได้มีสิ่งที่อยากทุ่มเทให้ และได้ทั้งความกล้าที่จะไล่ตามสิ่งนั้น
อยากขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทเพื่อไลฟ์ครั้งนี้ ขอบคุณอาดาชิP และทีมงานทุกคนที่ทำให้มีเกมนี้ขึ้นมา ต่อจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะไม่เสียใจเลยที่ครั้งนึงในชีวิตได้มามีส่วนร่วมกับเกมนี้ ได้มาร่วมสนุกกับไลฟ์ในวันนี้
และอีกคนที่อยากขอบคุณคือวีร์ ขอบคุณเธอที่ช่วยเรื่องตั๋วไลฟ์ ขอบคุณที่เธอทุ่มเททำทุกอย่าง ขอบคุณที่ไปด้วยกัน ขอบคุณที่ให้เรารบกวนหลายๆเรื่องตลอด จริงๆรู้สึกเกรงใจเธอมากจนไม่รู้จะขอบคุณยังไงหมดเพราะรบกวนเธอไว้มากจริงๆ แต่ดีใจที่ได้มากับเธอนะ เราสนุกมากจริงๆ ได้มาทั้งตามรอยดาบทั้งดูไลฟ์ หลายอย่างคิดว่าถ้าไม่ได้มากับเธอเราทั้งชีวิตเราอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำขนาดนี้เลยก็ได้ รู้สึกดีใจที่บันยาโร่ทำให้ได้มารู้จักเธอมากขึ้น ในอนาคตต่อจากนี้ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้มาทำอะไรบ้าบิ่นขนาดนี้ด้วยกันอีกมั้ย ถ้าเป็นไปได้มีไลฟ์ครั้งหน้าครั้งไหนก็อยากไปกับเธออีกนะ
และสุดท้ายแล้วจริงๆ….ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้และขอบคุณนะ Band Yarouze!
(Band Yarouze!)
.
.
.
.
OMAKE
แถมท้ายว่าตอนไปไลฟ์ครั้งนี้ได้ไปปริ้นเซสคาเฟ่ที่โคลาโบะกับบันยาโร่ช่วงนั้นมาด้วย เลยเอาบรรยากาศมาลงไว้ให้ดูกันนิดนึงค่ะ ของเราสั่งเมนูของแฟรี่ไปหมดเลย รสชาติอาหารแอบมีความงงเล็กน้อยถึงปานกลาง(ส่วนนึงอาจจะเพราะตระเวนเที่ยวกันจนเหนื่อยมากเลยรู้สึกเป็นของหนักที่กินยากนิดนึง) แต่อาหารหน้าตาน่ารักตรงปกเลย ไว้ถ้ามีแรงเขียนเอนทรีหน้าเดี๋ยวจะมารีวิวคาเฟ่ให้อีกทีค่ะ
(เมนูแฟรี่เป็นยากิโซบะกับนมร้อน)
ตอนนั้นจับโคสเตอร์ได้เคียวจังกับโยชิมุเนะมา แต่ก่อนกลับแลกเคียวจังกับน้องมิซาโตะไปแล้วเขาเลยไม่ได้กลับบ้านมากับเรา ช่วงนี้เป็นเดือนเกิดเด็กแฟรี่พอดีในร้านเลยจะมีบอร์ดให้แปะอวยพรวันเกิดเด็กๆแล้วก็มีสมุดเยี่ยมสำหรับคนที่มาคาเฟ่ให้วาดกันด้วย เราก็ได้ไปแอบเขียนทิ้งไว้มาแล้วเหมือนกันค่ะ
(รูปที่ได้วาดไว้ในสมุดเยี่ยม+แอบไปถ่ายเด็กๆบนโต๊ะมาด้วย)
นอกจากนี้ ตอนวันไลฟ์ชุนเอ็นเราก็ได้ไปฟังเพลงบันยาโร่แบบไฮเรโซที่มาจัดบูธหน้าไลฟ์มาด้วยค่ะ แน่นอนว่าตอนนั้นเลือกฟัง Secret Lovesick ไป ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากบอกได้แค่ว่าคุณภาพระดับไฮเรโซมันเอียร์พอร์นมากจริงๆ อยากให้ทุกคนได้ไปลองฟังกันดู /ก้มกราบเบญจางค์
(บรรยากาศจากซุ้มไฮเรโซ สแตนด์น้องๆมีลายเซ็นต์โยจิซังกับโชตันด้วย
สุดท้ายของปิดท้ายด้วยความภาคภูมิใจที่ซื้อของหน้าไลฟ์ชุนเอ็นแล้วเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เข็มกลัดแถมเป็นอาซาฮิมาด้วยตัวเองค่ะ (ส่วนคาซึมะคุงกับน้องมิซาโตะขอแลกมา) เป็นครั้งแรกที่ค้นพบว่าเป็นติ่งในแดนแม่นี่ชีวิตดีอย่างน่าเหลือเชื่อ
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาร่วมสงครามซื้อของหน้าไลฟ์ที่ญี่ปุ่นที่ขนาดต่อแถวซื้อของยังไม่ใช่ใครมาก่อนได้ก่อนแต่ต้องใช้วิธีจับฉลากคิว(กาชากันจนวินาทีสุดท้าย ฮือ555) แต่ประทับใจการบริหารจัดการของทีมงานและความมีวินัยของคนมาต่อแถวทุกคนมากจริงๆ ถึงจะคนเยอะมากจนต้องยืนรอกันเป็นชั่วโมงแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย
(เด็กๆแฟรี่ที่ได้มาจากซื้อของหน้าไลฟ์ชุนเอ็น)
ครั้งนี้ขอจบเอนทรีนี้ไว้เท่านี้ก่อน ขอบคุณทุกคนที่อ่านความเพ้อของเราได้มาจนถึงตรงนี้นะคะ ถ้าหาโอกาสได้อยากเชิญชวนให้ทุกคนลองไปไลฟ์กันดูสักครั้ง ไลฟ์สดของเกมนี้ของเขาดีจริงๆนะ
แล้วไว้พบกันใหม่ค่า